3 เทรนตามกระแส ทำร้ายสิ่งแวดล้อม

3 เทรนตามกระแส ทำร้ายสิ่งแวดล้อม ทุกท่านทราบหรือไม่ว่าเทรนตามกระแส ที่เกิดขึ้นบางอย่างค่อนข้าง ที่จะเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าน่าสนใจ สำหรับหลาย ๆ คนเป็นอย่างมากและทำให้เป็นตัวที่ส่งอิทธิพล ทำให้ส่งผลต่อหลายคนมักจะทำตามสิ่งเหล่านี้ นั่นเองและอยากลองกันแต่คุณทราบหรือไม่ว่าหากมอง ในมุมมองทางกลับกันแล้วบางเทรน ก็สามารถส่งผลกระทบต่อตัวคุณ และต่อสังคมหรือกับสิ่งแวดล้อมได้เช่นเดียวกัน จนกลายเป็นการทำร้ายผู้อื่นแบบ ที่คุณไม่รู้ตัวเพราะสำหรับวันนี้เราจะขอยก 3 เทรนตามกระแส ที่มาแรงไม่มีตกที่คนไทยส่วนใหญ่ในช่วงหลายปี ที่ผ่านมามักจะคิดทำกันเพื่อที่ทุกคนนั้นจะได้เรียนรู้ ในการช่วยกันเปลี่ยน และ ช่วยกันลดเพื่อโลกที่ดีขึ้นของคุณ
เทรนด์กินอะโวคาโด

เทรนด์กินอะโวคาโด ด้วยวิกฤตระบาดทำให้คนส่วนใหญ่ หันมาใส่ใจและดูแลสุขภาพของตัวเองกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งอะโวคาโดก็เป็นเหมือนตัวช่วย ที่ค่อนข้างจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ สำหรับคนรักสุขภาพได้ดีอย่างรอบด้านกันเลยทีเดียว เพราะเนื่องจากว่าเป็นผลไม้ที่ช่วย ในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักและยังเป็นตัวช่วยในการลดน้ำตาล ในเลือดไปจนถึงความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง และหัวใจเช่นเดียวกันจึงไม่ใช่เรื่อง ที่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนส่วนใหญ่ ถึงให้ความสนใจและนิยมในการกินอะโวคาโดกันอย่างมากในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาแต่ในอีกด้านหนึ่งก็เรียก ได้ว่าเป็นวายร้ายต่อโรคได้เช่นเดียวกันเพราะจากการปลูกอะโวคาโด ต้องทำการใช้น้ำปริมาณมากถึง 9,500 ล้านลิตรต่อวัน
ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำในสระว่ายน้ำ โอลิมปิกถึง 3,800 แห่งและเมื่อปริมาณแหล่งน้ำธรรมชาติได้ลดลงทางออกของเกษตรกร ก็คือการนำน้ำจากชั้นหินมาใช้ในปริมาณ ที่มากยิ่งขึ้นจนทำให้ส่งผลกระทบเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติตามมาได้ อย่างมากมายนั่นเองและในขณะเดียวกัน ประเทศเม็กซิโกต้องถางป่าเพื่อเพิ่มทำส่วน อะโวคาโดราว 1 ล้านไร่กระทบต่อระบบนิเวศธรรมชาติได้ อย่างมากขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกัน เพราะอย่างไรก็ตามแล้วทุกคน ยังสามารถทำการเลือกกินเอาได้ อยู่เพื่อสุขภาพของตัวเองแต่มันจะดี หรือไม่หากคุณจะช่วยกันลดปริมาณ ในการกินอย่างน้อย 1-2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อสุขภาพที่ดีของโลกคุณ
เทรนด์ของมันต้องมี

เทรนด์ของมันต้องมี คนส่วนใหญ่มักจะถูกจูงใจ ในการเจอป้ายกับคำว่ารถกระหน่ำวันแรก คู่หรือเซลล์ 50% หลายคนน่าจะโดน ประโยคนี้ผ่านตากันมาบ้าง จนทำให้ใจและเงินในบัญชีสั้นๆกันบ้างซึ่งบางครั้งก็เป็นคำพูดที่กวนใจ ของพวกคุณอยู่ตลอดเวลาด้วยคำว่า ของมันต้องมีหรืออยากได้ก็ต้องจัดจะประหยัดไว้ทำไมเรื่องแบบนี้ ไม่ได้เป็นเทรนที่เกิดกระแสกันแว๊บเดียว และผ่านไปแต่ผลสำรวจนั้นกับพบว่าเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกทำกันในทุกๆปีโดย เฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอที่เป็นแฟลชแฟชั่น ผลิตสินค้าแฟชั่นต่างๆออกมาอย่างรวดเร็วนั่น ก็เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค
ที่แต่งตัว ตามกระแสและเน้นแต่งตัวไม่กี่ครั้งสุดท้าย ก็ต้องทำการทิ้งมันไปซึ่งถือได้ว่าทั้งหมดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบของแฟลตแฟชั่น เป็นปัญหาระดับโลกอย่างมาก เพราะการผลิตเสื้อผ้าใบนั้นเป็นต้นตอของน้ำเสียทั่วโลกถึง 20% และ เรียกได้ว่าเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนมากถึง 1.2 พันล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 8% นอกจากจะเป็นตัวที่สร้างมลพิษทางอากาศสินค้าแฟชั่นเดี๋ยวเหล่านี้ ก็เรียกได้ว่าหากมองอีกมุมหนึ่งยังกลายเป็นขยะที่มีปริมาณมากถึง 59,000 บาทตันก็เลยทีเดียว หากคุณจำลองภาพไม่ออกให้คุณลองนึก ภูเขาที่มีขยะสูงเนินทำลายสิ่งแวดล้อมโดยรอบเพราะทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนเป็นตัวที่ส่งผลกระทบรุนแรง
เทรนด์ย้อมสีผม

เทรนด์ย้อมสีผม การย้อมสีผมนั้นเป็นสิ่ง ที่คุณจะเห็นได้แทบทุกวันทุกเดือน ที่มีคนมักจะทำการเปลี่ยนสีผมอยู่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคหรือกี่สมัยยาย้อม ผมแบบปกติหรือแบบ Organic ก็รวมที่จะมีสารเคมีอยู่ในตัวเหมือนเดิม เมื่อมันเจือปนลงไปในน้ำแล้ว จะเป็นตัวที่ส่งผลให้เกิดมลพิษทางน้ำได้นั่นเองโดยปัญหาน้ำเสียในไทยเพียง ในคลองแสนกับพบว่ามีมากถึงร้อยละ 70 เกิดจากกิจกรรมในชุมชนริมคลองรองลงมาเกิดจากโรงงาน และ สถานประกอบการยกตัวอย่างเช่นผลสำรวจของปี 2563 มีปริมาณน้ำเสียที่ไม่ได้ ผ่านการบำบัดถูกปล่อยลงของแสนแสบ และคลองสาขากว่า 8 แสนกว่าลูกบาศก์เมตรต่อวันและมีค่าเฉลี่ยความสกปรกอยู่ระหว่าง 6.9 หรือ 12.2 มิลลิกรัมต่อลิตร ถือได้ว่าเป็นมลพิษต่อสุขภาพเราอย่างรุนแรง กันมากเลยทีเดียว เพราะถึงแม้ว่าการย้อมสีผม จะเป็นแค่ส่วนเล็กน้อยที่ทำให้เกิดมลพิษทางน้ำ แต่หากทางที่ดีพวกคุณทุกคนหันมาใส่ใจช่วยลดการย้อมผม หรือเปลี่ยนยาย้อมผมที่มีส่วนประกอบของสารเคมี ให้น้อยลงมาเท่านี้ก็ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้น หรือจุดเปลี่ยนที่ดีในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้แล้วนั่นเอง
สุดท้ายนี้หลายๆคนอาจจะมองว่าทั้ง 3 อย่างนี้ เป็นสิ่งที่คุณพบเห็นอยู่ประจำซึ่งบางคนอาจจะมองข้ามว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ต่อสิ่งแวดล้อมของเราแต่ตามหลักความเป็นจริง จากการสำรวจกับพบว่าเป็นตัวที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้อย่างมากเลยทีเดียว และอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถห้ามได้แต่อย่างไรก็ตามแล้ว เราอยากให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันว่าทั้ง 3 สิ่งนี้เป็นสิ่ง ที่สามารถทำรายสิ่งแวดล้อมให้กับผู้คน ได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว
facebook page : Veryfood
Follow : https://veryfood69.com/